สวัสดีค่า ขอเสียงคนเป็นโรคภูมิแพ้หน่อยค่ะ... ภูมิแพ้เป็นโรคยอดฮิต ที่คนไทยเป็นกันเยอะมากกก บ้านเราเองก็เช่นกันค่ะ
ทั้งเราและลูกสาวเป็นภูมิแพ้ ตื่นมาเช้า ๆ บางทีน้ำหูน้ำตาไหลกันเลย และสารก่อภูมิแพ้ที่คนแพ้กันเยอะก็คือ
"ไรฝุ่น" ที่ชอบอาศัยอยู่ตามเตียงนอน หมอน โซฟา หรือที่ที่มีเส้นใย ดังนั้นในห้องนอนจะมีทั้งตัวไรฝุ่นและอึของมันมากมาย
ซึ่งไรฝุ่นเนี่ยมันเจริญเติบโตจากเศษผิวหนัง ขี้ไคล และไขมันของคนเรานี่แหละค่ะ
แต่การทำความสะอาดแค่การซักผ้าปูก็อาจจะกำจัดไรฝุ่นไปได้ไม่หมด
เพราะว่ามันไม่ตายด้วยน้ำอุณหภูมิปกตินะคะ และจริง ๆ
ก็คือมันจะอาศัยอยูู่ในที่นอนมากกว่าผ้าปูค่ะ แต่การตากแดดจะช่วยได้มากกว่า
ถึงไม่ได้ฆ่าไรฝุ่นโดยตรง แต่จะช่วยลดการแพร่พันธุ์ของมันได้ แต่เราเองที่อยู่คอนโดก็หมดสิทธิ์เอาที่นอนไปตากแดด
วิธีแก้เบื้องต้นของเราก็คือ ทำความสะอาดห้องบ่อย ๆ
และพยายามทำให้ห้องนอนเป็นที่นอนจริง ๆ ไม่เก็บของเยอะ เพราะอาจสร้างฝุ่นไปอีก
วันนี้จะมารีวิวอีกหนึ่งทางเลือกที่ใช้กำจัดไรฝุ่นในบ้าน
กับบริการกำจัดไรฝุ่น ทำความสะอาดที่นอน โซฟา จาก Dwell Service ซึ่งเป็นอีกเจ้าที่น่าสนใจ
เพราะราคาคุ้มค่าสุด ๆ ^^
หลังจากนัดวันเวลากับบริษัท ในวันที่จะรับบริการจะมีพนักงานติดต่อมาคอนเฟิร์มและสอบถามเส้นทางแต่เช้าเลยค่ะ มาถึงตรงเวลา เราไม่ต้องเตรียมอะไรเลยนอกจากถอดผ้าปู ช่วยอำนวยความสะดวกให้พนักงาน
ก่อนเริ่มทำความสะอาดเค้าจะมีแฟ้มมาพรีเซ้นท์เกี่ยวกับวงโคจรของไรฝุ่น
โดยการทำความสะอาดก็จะมี 5 ขั้นตอนดังนี้ค่ะ
1. เค้าจะเริ่มต้นด้วยการดูดฝุ่นบนที่นอน มาเทสต์ปริมาณเชื้อโรคและฝุ่นที่สะสมอยู่ด้วยผ้าสีดำ บนที่นอนเราก็จะมีประมาณนี้ค่ะ ไม่มากไม่น้อย แต่ก็แอบขนลุก 555
2. ต่อไปก็จะใช้รังสี UVC เพื่อฆ่าเชื้อโรคและไข่ของไรฝุ่น ซึ่งรังสีตัวนี้จะทำงานเหมือนแสงแดดค่ะ หลัก ๆ คือทำให้ไข่ของไรฝุ่นฝ่อลง
3. ถึงขั้นตอนทำความสะอาดแล้วค่ะ เค้าจะเริ่มทำจากหมอน ตุ๊กตาก่อน และทำที่นอนทีหลัง เครื่องมือที่ใช้เนี่ยก็ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะ ใช้หลักการเดียวกับการเอาที่นอนไปตากแดดแล้วใช้ไม้ทุบแบบสมัยก่อน เจ้าเครื่องนี้ก็จะดึงฝุ่น-เชื้อโรคออกมาด้วยวิธีเดียวกันค่า
ขอบ-มุม เค้าก็เปลี่ยนหัว จัดการให้หมด พลิกที่นอนทำทั้งสองด้าน ละเอียดดีค่ะ
ก่อนทำ น้ำใส ๆ แบบนี้
และนี่ก็คือน้ำจากการทำความสะอาดที่นอนรอบแรก สยองมาก T^T
เรากับลูกนอนกับฝุ่นขนาดนี้โดยที่ไม่รู้ตัวเลย
4. ต่อไปเค้าก็จะทำความสะอาดซ้ำอีกรอบ คราวนี้จะเห็นความแตกต่างแล้วค่ะ น้ำจะแค่ขุ่น ๆ ไม่มีฝุ่นเกาะน่ากลัวแล้ว
หลังจากทำที่นอนเสร็จ เค้าก็จะทำเหมือนกันที่โซฟาค่ะ
ภาพก่อน-หลัง ทำความสะอาดโซฟา
ไม่ได้กางออกมานอนนาน ตรงรอยพับมีฝุ่นเยอะมากกก เค้าก็ทำซะเอี่ยมเลยค่ะ
ภาพน้ำ หลังทำความสะอาดโซฟา ไม่สกปรกเท่าที่นอน
5. ขั้นตอนสุดท้าย เป็นการฟอกอากาศเพื่อฆ่าเชื้อโรคและแบคทีเรียในอากาศ ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรคกลิ่น Peppermint ค่ะ (หอมสดชื่นมากก)
สรุป
หลังทำความสะอาดทั้งที่นอนและโซฟาเสร็จ
พร้อมฟอกอากาศ เห็นได้ชัดเลยว่าอากาศในห้อง หอมสดชื่น และดูสะอาดขึ้น ตื่นนอนเช้า
ๆ ก็ไม่มีอาการ จาม คัดจมูก
ทั้ง 5 ขั้นตอนใช้เวลาประมาณ 1
ชั่วโมงนิด ๆ (ของเราเป็นโซฟาประมาณ 3 ที่นั่ง และเตียง 5 ฟุต)
แล้วแต่พื้นที่และความสกปรก
ราคาจุดละ 1,190 บาท รวมค่าเดินทางในกรุงเทพแล้วค่ะ
ซึ่งจากที่หาข้อมูลมา Dwell Service ถือว่าราคาคุ้มค่า
และไม่มีบวกค่าเดินทางอีกค่ะ
ควรทำบ่อยแค่ไหน?
พนักงานบอกว่า สำหรับบ้านที่ไม่มีความเสี่ยง (สุขภาพแข็งแรงดี แค่อยากทำความสะอาด) เค้าแนะนำให้ทำทุก 6 เดือน แต่สำหรับคนที่เป็นภูมิแพ้ ไซนัส หรือบ้านที่มีสัตว์เลี้ยง มีเด็กแบบเรา ควรทำทุก ๆ 3 เดือนเลยนะคะ
ซึ่งจริง ๆ ถ้าเทียบกับค่าใช้จ่าย 3 เดือนทำที เราก็ยังว่าคุ้มอยู่ค่ะ เพราะถ้าไม่สบายเข้า รพ. ทีนึง หลายพันถึงหลักหมื่นแน่นอน อันนี้ก็เป็นเหมือนการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุค่ะ สำหรับเรา Happy มากก น่าจะใช้บริการอีกแน่นอน สำหรับข้อมูลต่าง ๆ ในรีวิว ถ้ามีตรงไหนผิดพลาดชี้แจงได้เลยนะคะ ขอลาไปพร้อมกับภาพห้องนอน แล้วพบกันใหม่รีวิวหน้าค่า ^^
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น